Friday 22 July 2011

Singular and Plural Nouns (คำนามเอกพจน์และพหูพจน์)

ครั้งที่แล้วเราได้ทำความเข้าใจเรื่องคำนามนับได้และนับไม่ได้ (Countable and Uncountable Nouns) ซึ่งคำนามที่นับได้ในภาษาอังกฤษนั้นก็จะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท นั่นก็ึืคือ คำนามเอกพจน์ และคำนามพหูพจน์

1. คำนามเอกพจน์ (Singular Nouns) คือ คำนามที่มีเพียงสิ่งเดียว ชิ้นเดียว (ต้องนับได้ด้วยน่ะค่ะ) คน ๆ เดียว หรือมีเพียงจำนวนเดียวเท่านั้น เช่น

        คนเดียว  เช่น  a man, a doctor
        ตัวเดียว  เช่น  a dog, a pig, a bird
        อันเดียว  เช่น  a apple, a book,  a car
        สถานที่เดียว  เช่น  a school, a bank

Indefinite Articles (A / An)

ถ้าพูดถึงคำนำหน้านามในภาษาอังกฤษก็จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ

          1. Indefinite Articles คำนำหน้านามที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง เช่น a, an และ
          2. Definite Articles คือ คำนำหน้านามที่ชี้เฉพาะเจาะจง ก็คือ the นั้นเอง

การใช้ a/an จะใช้นำหน้าคำนามนับได้ (Countable Nouns)  ที่มีรูปเอกพจน์ (Singular Nouns) เท่านั้นค่ะ และอย่าลืมว่าจะต้องกล่าวถึงคำนามทั่ว ๆ ไปที่ไม่ได้ชี้เฉพาะเจาะจงค่ะ แล้ว a/an ใช้ต่างกันอย่างไร ดูตามคำอธิบายเหล่านี้เลยค่ะ

Monday 11 July 2011

Countable/Uncountable Nouns

Nouns (คำนาม) คือ คำที่ใช้เรียนแทนชื่อคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ และแนวความคิด ( person, animal, place, thing, idea ) ซึ่งถ้าจะแบ่งประเภทของคำนามก็แบ่งได้หลายแบบน่ะค่ะ แต่ในบล็อกนี้ข
อพูดเฉพาะ Common Nouns หรือคำนามทั่วไป ที่ไม่ได้ชี้เฉพาะเจาะจงก่อนน่ะค่ะ  

Common Noun (นามทั่วไป)
เป็นคำนามที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ทั่วๆไป ความคิด ( person, animal, place, thing, idea ) โดยไม่เฉพาะเจาะจง เช่น
         สิ่งของ       boy, sign, table, hill, water, sugar, desk
         สถานที่      city, hill, road, stadium, school,company
         เหตุการณ์   revolution, journey, meeting
         ความรู้สึก   fear, hate, love เวลา year, minute, millennium

Sunday 10 July 2011

Numbers


ถ้าพูดถึงตัวเลขในภาษาอังกฤษจะมีหน่วยของตัวเลขหลัก ๆ ดังตารางต่อไปนี้ค่ะ :

110100100010000001000000000
onetenhundredthousandmillionbillion

จำนวนตัวเลขในภาษาอังกฤษ มีอยู่ 2 ระบบดังต่อไปนี้น่ะค่ะ
  1. Cardinal Numbers คือ เลขแสดงจำนวน เป็นตัวเลขที่ใช้บอกปริมาณ หรือจำนวนสิ่งของต่าง ๆ เช่น Five cars, Two hundred students, Two friends เป็นต้น
  2. Ordinal Numbers คือ เลขแสดงลำดับที่ เราใช้กับการเรียงลำดับ หรือการจัดลำดับที่ เช่น ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3  มาดูตัวเอย่างภาษาอังกฤษน่ะค่ะ เช่น He is my first love. หรือ He is the first one in my heart. เป็นต้น เลขลำดับที่ยังใช้กับ วันที่ อีกด้วย เช่น วันที 1 เดือนสิงหาคม คือ the first of August  รวมถึงการบอกวันเกิดของเราด้วยค่ะ My birth date is the twenty-second of June. เป็นต้น

Saturday 9 July 2011

Verb to be (Present Simple Tense)

จริง ๆ แล้วเรื่องการใช้ Verb to be นั้นไม่ได้ยากเย็นอะไร ทุก ๆ คนก็คงเคยใช้กันมาแล้วและคงคุ้นเคยกับการใช้เสมอ ๆ แต่ปัญหาก็คือ เรายังคงเห็นหลาย ๆ คนยังใช้ Verb to be ผิดบ่อยครั้ง วันนี้เรามาทำความเข้าใจเรื่อง Verb to be กันก่อนดีกว่าน่ะค่ะ

Verb to be ที่เรารู้จักประกอบด้วยหลายรูปด้วยกันดังนี้คือ is / am / are / was / were / be / been / being ซึ่งจัดเป็นกริยาประเภท linking verbs (หรือคำกริยาที่เชื่อมประธานกับคำนามหรือคำคุณศัพท์ที่ตามมา) มีความหมายแปลว่าเป็น อยู่ คือ ในภาษาไทยค่ะ อย่าเพิ่งตกใจน่ะค่ะที่เห็นรูปของ Verb to be มากมายขนาดนั้นเพราะจริง ๆ แล้วเนี่ยแต่ละรูปก็ใช้ต่างกันตามประธาน และต่าง tense ค่ะ

งั้นเรามาเริ่มต้นจากการใช้ Verb to be ใน Present Simple Tense กันก่อนดีกว่าค่ะ ใน Present Simple Tense หรือในการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เราจะใช้ Verb to be (is / am / are) โดยมีวิธีการใช้ต่างกันตามประธานของประโยคดังต่อไปนี้ค่ะ

Is - ใช้กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 นั่นก็คือ He / She / It หรือ คน สัตว์ สิ่งของที่มีเพียงสิ่งเดียว เช่น
       He is a policeman.
       She is pretty.
       It is a car key.