Friday, 12 April 2013

used to


used to
แปลว่า เคย ปัจจุบันเราไม่นิยมใช้ used to ในรูปแบบของกริยาช่วยแล้ว แต่เราใช้เฉพาะเป็นกริยาแท้พูดถึงสิ่งที่ทำเป็นนิสัยในอดีต ซึ่งปัจจุบันได้หยุดไปแล้ว

เช่น
I used to smoke a lot.
She used to be fat.
She used to tell a lie.

เมื่อเป็นประโยคคำถาม และประโยคปฎิเสธเราจะเอา Verb to do เข้ามาช่วย เมื่อเอา Verb to do จะต้องเปลี่ยน use ให้เป็นกริยาช่องที่ 1 เช่น

I did not use to smoke a lot.
She did not use to be fat.
Did she use to tell a lie?

ข้อควรสังเกตอย่านำ used to ไปใช้ปะปนกับ to be used to ซึ่ง to be used to+noun / ing แปลว่า เคยชิน เช่น
I am used to driving at night.
She is used to the hot weather in Thailand.
He is used to reading this book.
She is used to getting up early.
They are used to going shopping.

Conditional sentences


Conditional sentences หรือที่หลายคนรู้จักในนาม if-clause คือ ประโยคเงื่อนไข ประกอบด้วยอนุประโยค (ประโยคย่อย) สองประโยค ประโยคหนึ่งขึ้นต้นด้วยคำว่า If กับอีกประโยคหนึ่งมีหน้าตาเหมือนประโยคสมบูรณ์ทั่วไป สังเกตว่า อนุประโยคสองประโยคนี้สลับที่กันได้ จะยกประโยคไหนขึ้นต้นก็ได้ แล้วแต่การเน้นและความหมาย

1. ZERO Conditional Sentences 

Zero conditional sentences ใช้สำหรับพูดถึงความจริงทั่วไป โดยใช้ present simple ในอนุประโยคทั้งสองประโยค

  • If + present simple, .... present simple. (คนไทยมักจะเขียนว่า If + subject + V1, subject + V1)

ประโยคแบบ zero conditional sentences ใช้พูดถึงกรณีที่ถ้าเกิดสิ่งหนึ่ง ต้องเกิดอีกสิ่งหนึ่งเสมอ เช่น If water reaches 100 degrees, it boils. เมื่ออุณหภูมิน้ำสูงเท่ากับ 100 องศาเซลเซียส น้ำจะเดือดเสมอ หรือ If I eat peanuts, I am sick. ถ้าฉันกินถั่วลิสงฉันจะแพ้ ซึ่งประโยคลักษณะนี้ เราจะใช้คำว่า when (เมื่อ) แทน if ก็ได้

ตัวอย่างเพิ่มเติม
  • If people eat too much, they get fat. ถ้ากินมากจะอ้วน
  • If you touch a fire, you get burned. ถ้าแตะไฟก็จะโดนลวก
  • People die if they don't eat. คนเราจะตายถ้าไม่กินอาหาร
  • You get water if you mix hydrogen and oxygen. ถ้ารวมไฮโดรเจนกับอ๊อกซิเจนจะได้น้ำ
  • Snakes bite if they are scared. งูจะกัดเวลารู้สึกกลัว
  • If babies are hungry, they cry. ทารกจะร้องไห้ถ้ารู้สึกหิว
Zero conditional sentences จะใช้พูดถึงเรื่องจริงทั่วๆไป แต่ conditional sentences แบบต่อไปจะพูดถึงเหตุการณ์เฉพาะค่ะ

2. FIRST Conditional Sentences 

First conditional sentences ใช้สำหรับพูดว่าถ้าสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น อีกสิ่งหนึ่งจะเกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้น โดยใช้ If + present simple แล้วตามด้วย future simple

  • if + present simple, ... will + infinitive (คนไทยมักจะเขียนว่า If + subject + V1, subject + will/be going to + V1)

ใช้พูดถึงเหตุการณ์เฉพาะซึ่งอาจเป็นไปได้ หรือผู้พูดคิดว่าจะเกิดขึ้น เช่น

  • If it rains, I won't go to the park. ถ้าฝนตก ฉันจะไม่ไปสวนสาธารณะ
  • If I study today, I'll go to the party tonight. ถ้าวันนี้ฉันอ่านหนังสือ คืนนี้จะไปปาร์ตี้
  • If I have enough money, I'll buy some new shoes. ถ้ามีเงินพอ ฉันจะซื้อรองเท้าใหม่
  • She'll be late if the train is delayed. เธอจะไปสายถ้ารถไฟมาช้า
  • She'll miss the bus if she doesn't leave soon. เธอจะไม่ทันรถเมล์ถ้าไม่ออกจากบ้านตอนนี้
  • If I see her, I'll tell her. ถ้าพบเขาฉันจะบอกเขา
Zero conditional กับ first conditional ต่างกันตรงที่ใช้กับสถานการณ์คนละประเภทดังได้กล่าวไปแล้ว ดูตัวอย่างชัดๆอีกทีนะคะ

Zero conditional: If you sit in the sun, you get burned. (ใครก็ตามที่) นั่งตากแดดจะผิวไหม้
First conditional: If you sit in the sun, you'll get burned. ถ้าเธอนั่งตากแดดผิวเธอจะไหม้นะ

3. SECOND Conditional Sentences

First conditional ใช้พูดถึงสิ่งที่ผู้พูดคาดคะเนว่าจะเกิดขึ้น แต่ Second conditional จะใช้พูดถึงสิ่งที่ผู้พูดคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เช่น

First conditional: If she studies harder, she'll pass the exam. ถ้าเธอตั้งใจเรียนมากขึ้นเธอจะสอบผ่าน (คิดว่าเป็นไปได้)

Second conditional: If she studied harder, she would pass the exam. ถ้าเธอตั้งใจเรียนมากขึ้นเธอคงสอบผ่าน (แต่ผู้พูดไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ คือ คิดว่าเธอคงไม่ตั้งใจมากขึ้น และเธอคงสอบไม่ผ่าน)

ประโยคแบบ second conditional นี้ใช้ If + past simple คู่กับ would + infinitive ค่ะ

  • if + past simple, ...would + infinitive

(สังเกตว่าอนุประโยคที่ต่อหลัง if ถ้าคำกิริยาเป็น verb to be จะใช้ were ได้กับประธานทุกตัว เช่น If I were you… ถ้าฉันเป็นเธอ… แต่จะใช้ was ตรงตามประธานก็ได้ค่ะ)

วิธีใช้
- ใช้พูดถึงความใฝ่ฝันว่าอยากให้เกิดขึ้นในอนาคตแต่อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ เช่น
  • If I won the lottery, I would buy a big house. ถ้าถูกล็อตเตอรี่จะซื้อบ้านหลังใหญ่ (ซึ่งคิดว่าคงไม่ถูกล็อตเตอรี่หรอก)
  • If I met the Queen of England, I would say hello. ถ้าได้พบราชีนีอังกฤษฉันจะกล่าวสวัสดี
  • She would travel all over the world if she were rich. เขาจะเที่ยวรอบโลกถ้ามีเงินมากๆ
  • She would pass the exam if she ever studied. เธอคงจะสอบผ่านหรอกถ้าเธอได้เคยอ่านหนังสือบ้าง (ซึ่งจริงๆไม้อ่านเลย)

- ใช้พูดถึงเหตการณ์ในปัจจุบันที่เป็นไปไม่ได้เลย ไม่จริงเลย เช่น

  • If I had his number, I would call him. ถ้ามีเบอร์เขาฉันจะโทรหาเขา (แต่จริงๆฉันไม่มีเบอร์เขา)
  • If I were you, I wouldn't go out with that man. ถ้าฉันเป็นเธอฉันจะไม่ไปเที่ยวกับเขา

ประโยค second conditional ต่างกับ first conditional ตรงที่แบบนี้มีความเป็นไปได้น้อยมาก เช่น

Second conditional: If I had enough money I would buy a house with twenty bedrooms and a swimming pool. ถ้ามีเงินพอฉันจะซื้อบ้านที่มีห้องยี่สิบห้องกับสระว่ายน้ำ (ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เป็นแค่ฝัน)

First conditional: If I have enough money, I'll buy some new shoes. ถ้ามีเงินพอฉันจะซื้อรองเท้าใหม่ (มีความเป็นไปได้มากกว่ามาก)

4. THIRD Conditional Sentences

ประโยค conditional แบบสุดท้ายใช้ If + past perfect (subject + had + V3) คู่กับ would have + V3 ค่ะ

  • if + past perfect, ...would + have + past participle

ประโยคแบบนี้ใช้พูดเกี่ยวกับอดีตที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ว่าถ้าเกิดขึ้นแล้วจะเป็นอย่างไร

  • If she had studied, she would have passed the exam. ถ้าเขาอ่านหนังสือ เขาคงสอบผ่านไปแล้ว (ซึ่งจริงๆผู้พูดรู้ว่าไม่ได้อ่านและสอบตก)
  • If I hadn't eaten so much, I wouldn't have felt sick. ถ้ากินไม่มากฉันคงไม่ป่วย (แต่จริงๆฉันกินเยอะ จึงป่วย)
  • If we had taken a taxi, we wouldn't have missed the plane. ถ้าเราขึ้นแท็กซี่มาเราคงไม่ตกเครื่องบิน
  • She wouldn't have been tired if she had gone to bed earlier. เธอจะไม่เพลียถ้าเข้านอนเร็วกว่านี้
  • She would have become a teacher if she had gone to university. เธอคงจะเป็นครูถ้าเธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย
  • He would have been on time for the interview if he had left the house at nine. เขาคงมาสัมภาษณ์ทันเวลาถ้าออกจากบ้านตอนเก้าโมง

5. MIXED Conditional Sentences

นอกจากนั้นยังมีการนำ conditional sentences สองแบบมาผสมกันอีกด้วยค่ะ โดยมากใช้เวลาพูดถึงสิ่งที่ไม่เป็นความจริงในอดีตที่มีความสัมพันธ์กับปัจจุบัน เช่น

  • She would be a rich widow now if she’d married him. เธอคงจะได้เป็นแม่หม้ายเศรษฐีไปแล้วถ้าเธอแต่งงานกับเขา (ตอนนั้นไม่แต่งกับเขา ตอนนี้เลยไม่ได้เป็นแม่หม้ายเศรษฐี)
  • If I’d studied law, I’d be an attorney now. ถ้าตอนนั้นเรียนนิติตอนนี้ฉันก็คงจะเป็นทนายความแล้ว

Tuesday, 15 January 2013

Internet Language

ศัพท์สุดฮิตที่เรมมักจะเห็นชาวต่างชาติหรือเพื่อน ๆ ชาวแชตของพวกเรานิยมใช้กันในเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลาย เผื่อใครจะจำนำมาใช้ในการแชท ก็ไม่ว่ากันนะคะ

ASAP (As Soon As Possible) แปลว่า เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
RSVP (Repondez Sil Vous Plait) แปลว่า กรุณาตอบกลับ
BC, COS (Because) แปลว่า เพราะ
N/A (Not Applicable) แปลว่า ไม่, ไม่มี
EZ (Easy) แปลว่า ง่าย
CU (See you) แปลว่า แล้วเจอกัน
CUL (See you later) แปลว่า แล้วเจอกัน
IC (I see) แปลว่า เข้าใจแล้ว
LOL (Laughing Out Loud) แปลว่า หัวเราะดัง ๆ
OMG (Oh my God) แปลว่า โอ้ พระเจ้า
PLZ, PLS (Please) แปลว่า ได้โปรดเถอะ


Present Perfect Tense

Present Perfect Tense

Present Perfect Tense หรือ ที่ภาษาไทยเรียกว่าปัจจุบันกาลที่สมบูรณ์ ใช้สำหรับการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และยังมีผลหรือส่งผลมายังปัจจุบัน เช่น

I've lost my passport. ฉันทำพาสปอร์ตหาย และตอนนี้ก็ยังหาไม่พบ
She's gone to bed. เธอเข้านอนไปแล้ว และตอนนี้เธอก็นอนอยู่บนเตียง
We've just bought a new car. เราเพิ่งจะซื้อรถคันใหม่ และตอนนี้เราก็มีรถคันใหม่แล้ว

ซึ่งโครงสร้างประโยคของ present perfect tense จะประกอบด้วย have/has + past participle (V.3) แต่ก็พึงระวังน่ะค่ะเพราะการใช้ verb to have จะใช้ต่างกันตามประธานของประโยค นั่นก็คือ

Monday, 14 January 2013

used to

used to 

บ่อยครั้งที่เคยได้เห็นหรือได้ยินประโยคที่ใช้คำว่า used to ซึ่งไม่ได้แปลว่าใช้อย่างที่เราเข้าใจ จริง ๆ แล้ว used to ในที่นี่แปลว่า เคย เคยทำ สิ่งที่ทำเป็นนิสัยในอดีต ซึ่งปัจจุบันได้หยุดไปแล้ว หรือไม่ได้ทำสิ่งนั้นแล้วนั่นเอง


เช่น

I used to smoke a lot.
She used to be fat.
She used to tell a lie.

Wednesday, 26 December 2012

Your fly is undone

หลายคนคงเคยสงสัย ถ้าอยากบอกผู้ชายว่าลืมรูดซิปจะพูดว่าอย่างไร มีวิธีการพูดหรือบอกว่าลืมรูดซิปมาให้ค่ะ ปกติคำที่ใช้บ่อย ๆ คือ your fly is undone or  your fly is open คราวนี้ลองมาดูประโยคอื่น ๆ กันบ้างน่ะค่ะ 

20) The cucumber has left the salad. 

19) I can see the gun of Navarone. 

18) Someone tore down the wall, and your Pink Floyd is hanging out. 

17) You've got Windows in your laptop. 

16) Sailor Ned's trying to take a little shore leave. 

15) Your soldier ain't so unknown now. 


Sunday, 25 November 2012

There is, There are


วิธีการใช้ There is และ There are

There is / There are มีความหมายว่าว่า "มี" เป็นคำที่ใช้แสดงให้เห็นว่าสิ่งต่าง ๆ มีอยู่ หรือ "มีอะไรอยู่ที่ไหน" เช่น

There is a chair in the roome. 

There is a red clock in the room.

There are many books on the shelf.

                                                                             There are two pillows on the bed. 

ประโยคบอกเล่า

ซึ่งหากสังเกตจากประโยคตัวอย่างข้างต้นจะพบว่า There is / There are มีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับคำนามที่ใช้ในประโยค ดังต่อไปนี้ คือ

1. There is ใช้นำหน้าคำนามเอกพจน์ หรือคำนามนับไม่ได้ เช่น 
        There is a book on the table. 
        There is an apple in the basket. 
              "a book" และ " an apple" เป็นคำนามเอกพจน์
        There is water in the glass. 
              "water" เป็นคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun)

2. There are ใช้นำหน้าคำนามพหูพจน์ เช่น 
       There are two pens on the chair. 
       There are eight cats in the room. 
       There are children under the tree.