Saturday 9 July 2011

Verb to be (Present Simple Tense)

จริง ๆ แล้วเรื่องการใช้ Verb to be นั้นไม่ได้ยากเย็นอะไร ทุก ๆ คนก็คงเคยใช้กันมาแล้วและคงคุ้นเคยกับการใช้เสมอ ๆ แต่ปัญหาก็คือ เรายังคงเห็นหลาย ๆ คนยังใช้ Verb to be ผิดบ่อยครั้ง วันนี้เรามาทำความเข้าใจเรื่อง Verb to be กันก่อนดีกว่าน่ะค่ะ

Verb to be ที่เรารู้จักประกอบด้วยหลายรูปด้วยกันดังนี้คือ is / am / are / was / were / be / been / being ซึ่งจัดเป็นกริยาประเภท linking verbs (หรือคำกริยาที่เชื่อมประธานกับคำนามหรือคำคุณศัพท์ที่ตามมา) มีความหมายแปลว่าเป็น อยู่ คือ ในภาษาไทยค่ะ อย่าเพิ่งตกใจน่ะค่ะที่เห็นรูปของ Verb to be มากมายขนาดนั้นเพราะจริง ๆ แล้วเนี่ยแต่ละรูปก็ใช้ต่างกันตามประธาน และต่าง tense ค่ะ

งั้นเรามาเริ่มต้นจากการใช้ Verb to be ใน Present Simple Tense กันก่อนดีกว่าค่ะ ใน Present Simple Tense หรือในการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เราจะใช้ Verb to be (is / am / are) โดยมีวิธีการใช้ต่างกันตามประธานของประโยคดังต่อไปนี้ค่ะ

Is - ใช้กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 นั่นก็คือ He / She / It หรือ คน สัตว์ สิ่งของที่มีเพียงสิ่งเดียว เช่น
       He is a policeman.
       She is pretty.
       It is a car key.

Am - ใช้กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 1 หรือ I เพียงตัวเดียวเท่านั้นค่ะ เช่น
       I am a teacher.
       I am thin and tall.

Are - ใช้กับกลุ่มประธานพหูพจน์ เช่น They / We / You  เช่น
       They are students.
       We are lovely.
       You are handsome.

แต่มีข้อพึงสังเกตน่ะค่ะว่า ในการใช้ Verb to be จะใช้คู่กับคำนาม (Nouns) และคำคุณศัพท์ (Adjectives) เพราะเป็น linking verbs ก็เลยต้องทำหน้าที่เชื่อมประธานกับคำนามหรือคำคุณศัพท์ในประโยค ดังนั้นถ้าใครก็ตามเคยพูดว่า "I am come from New York." ก็รู้ไว้เลยว่าประโยคนี้ผิดค่ะ ต้องบอกว่า I am from New York. ถึงจะถูกค่ะ

คราวนี้ลองมาดูว่าถ้าเราจะเปลี่ยนรูปประโยคเป็นประโยคปฏิเสธบ้างเราจะทำได้อย่างไร วิธีการเปลี่ยนประโยคทำได้ง่าย ๆ ก็คือให้เอา not มาวางไว้หลัง verb to be เนื่องจากในกรณี verb to be สามารถทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยได้ค่ะ ลองดูตัวอย่างประโยคกันน่ะค่ะ

          He is a doctor.    -----------     He is not (isn't) a doctor.
          They are lazy.     -----------     They are not (aren't) lazy.
          I am beautiful.     -----------     I am not (I'm not) beautiful.

ที่นี้มาทำให้เป็นประโยคคำถามกันบ้างน่ะค่ะ วิธีการเปลี่ยนก็คือให้ย้าย Verb to be มาวางไว้หน้าประธานของประโยคค่ะ

          He is a doctor.    -----------     Is he a doctor?
          They are lazy.     -----------     Are they lazy?
          I am beautiful.     -----------     Am I beautiful? (ขอแนะนำว่าให้ถามด้วย you ถ้าต้องการคำตอบ      เป็น I ค่ะ คงจะมีโอกาสเป็นไปได้น้อยที่จะถามตัวเองน่ะค่ะ ดังนั้นอาจจะถามว่า Are you beautiful? ก็ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับประธานของคำตอบของเราค่ะ)

คราวนี้มาดูวิธีการตอบคำถามกันบ้างค่ะ ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Verb to be ซึ่งเป็นกริยาช่วยเป็นประโยคคำถามที่ถามว่าใช่หรือไม่ ดังนั้นการตอบคำถามจะตอบด้วย Yes หรือ No ค่ะ ตัวอย่างเช่น

       Is he a doctor?    ----------- Yes, he is a doctor./ Yes, he is.
                                                    No, he isn't a doctor. / No, he isn't.
      Are they lazy?      -----------  Yes, they are lazy. / Yes, they is.
                                                    No, they aren't lazy. / No, they aren't.
      Am I beautiful?    -----------   Yes, you are beautiful. / Yes, you are.
                                                     No, you aren't beautiful. / No, you aren't.
      Are you beautiful? -----------  Yes, I am beautiful. / Yes, I am.
                                                     No, I am not beautiful. / No, I'm not.

แล้วถ้าเป็นประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Question Words ล่ะ ก็เหมือนเดิมค่ะ แค่เอาเจ้า Question Words มาวางข้างหน้า ตามด้วย Verb to be ค่ะ เช่น

       Who are you?
       What is your name?
       Where are you from?
       How are you?

เห็นรึยังค่ะการใช้ Verb to be ใน Present Simple Tense ไม่ยากเลยค่ะ แค่พยายามทำความใจ ฝึกฝนใช้บ่อย ๆ ก็จะสามารถใช้ได้อย่างดีทีเดียวค่ะ สำหรับ Verb to be ใน tense อื่น ๆ ขอยกไว้ตอนต่อไปน่ะค่ะ

5 comments:

  1. I hope we will never see something like "I'm come from Thailand" or "I'm go to school" xD

    ReplyDelete
  2. Thanks for your comments. If you want to share me some topics, please mail me.

    ReplyDelete